ระบบ Disaster Recovery คืออะไร มีกี่ประเภทและมีประโยชน์อย่างไรต่อการทำงานในองค์กร

  • December 23, 2024

News Description

disaster recovery

 

ข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญขององค์กร แต่ก็อาจเกิดภัยคุกคามต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียข้อมูลได้ เช่น จากภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ ความผิดพลาดของระบบหรือการโจมตีทางไซเบอร์ ล้วนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการดำเนินธุรกิจ ระบบ Disaster Recovery จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถกู้คืนข้อมูลและระบบงานสำคัญกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการหยุดชะงักของธุรกิจ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับระบบ Disaster Recovery และประโยชน์ที่มีต่อองค์กรของคุณกัน

 

ระบบ Disaster Recovery คืออะไร มีกี่ประเภทและมีประโยชน์อย่างไรต่อการทำงานในองค์กร

 

ระบบ Disaster Recovery คืออะไร

Disaster Recovery คือระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบต่อ Data Center และระบบหลักขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุหรือการโจมตีทางไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้องค์กรสามารถกู้คืนและเรียกใช้ข้อมูลสำคัญได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเลือกติดตั้งระบบสำรองได้หลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการจัดตั้ง Disaster Recovery Site (DR-Site) ซึ่งเป็น Data Center สำรองที่แยกออกจาก Data Center หลัก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลองค์กร

Disaster Recovery Site มีกี่ประเภท

การเลือกประเภทของ Disaster Recovery Site ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการสำรองข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

 

1. Hot Site

Hot Site เป็นระบบ Disaster Recovery ที่มีความพร้อมสูงสุด ด้วยการออกแบบ Hardware และ Software ให้เหมือนกับระบบหลักทุกประการ พร้อมทำการ Backup และ Replicate ข้อมูลแบบ Real-time ทำให้สามารถทำงานทดแทนระบบหลักได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา และจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อนำระบบ Automation มาใช้ในการสำรองข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

 

Hot Site

 

2. Warm Site

Warm Site เป็นทางเลือกระบบสำรองข้อมูลที่อยู่ระหว่าง Hot Site และ Cold Site โดยระบบจะทำการสำรองข้อมูลเป็นช่วงเวลา (Periodic Backup) เช่น ทุกชั่วโมงหรือทุกวัน พร้อมติดตั้งเซิร์ฟเวอร์และระบบพื้นฐานที่จำเป็นไว้บางส่วน ทำให้สามารถกู้คืนระบบได้เร็วกว่า Cold Site แต่อาจมีข้อมูลสูญหายบางส่วนในช่วงระหว่างรอบการสำรองข้อมูล ซึ่งต้องใช้เวลาในการกู้คืนและอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบันก่อนที่ระบบจะพร้อมใช้งานเต็มรูปแบบ

 

3. Cold Site

Cold Site เป็นระบบสำรองข้อมูลขั้นพื้นฐานที่มีการ Backup ระบบไว้แต่ยังไม่พร้อมใช้งานทันที หากต้องการจะเรียกใช้ข้อมูลในส่วนนั้น ก็จำเป็นต้องจัดเตรียมระบบและกู้คืนข้อมูลก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการกู้คืนระบบนานที่สุด และมีโอกาสสูญเสียข้อมูลมากที่สุดเช่นกัน

 

Disaster Recovery Site แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานในองค์กรแบบไหนบ้าง

การเลือกประเภทของ Disaster Recovery Site ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการดำเนินธุรกิจขององค์กร รวมถึงความสามารถในการลงทุนด้านเทคโนโลยี มาดูกันว่าแต่ละประเภทเหมาะกับองค์กรแบบใด

 

Hot Site

Hot Site เป็นระบบสำรองข้อมูลระดับพรีเมียมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม Disaster Recovery Site โดยจำลองระบบและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดให้เหมือนกับระบบหลักทุกประการ พร้อมทำการ Backup และ Replicate ข้อมูลแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถสลับไปใช้งาน Hot Site ได้ทันทีที่ระบบหลักเกิดปัญหา โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ

เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องในการให้บริการสูงสุด เช่น สถาบันการเงิน โรงพยาบาลหรือแพลตฟอร์มให้บริการออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก รวมถึงองค์กรที่ไม่สามารถยอมรับการหยุดชะงักของระบบ (Downtime) หรือการสูญเสียข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้และความน่าเชื่อถือขององค์กรได้

 

Warm Site

Warm Site เป็นระบบสำรองข้อมูลระดับกลางที่มีประสิทธิภาพรองลงมาจาก Hot Site โดยทำการสำรองข้อมูลเป็นช่วงเวลาแทนการทำงานแบบเรียลไทม์ ระบบจะใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมและกู้คืนข้อมูลก่อนที่จะสามารถทำงานแทนระบบหลักได้ แต่มีข้อดี คือองค์กรสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์บางส่วนไว้ล่วงหน้า ทำให้ระบบสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ Hot Site

เหมาะสำหรับองค์กรที่สามารถยอมรับการหยุดชะงักของระบบ (Downtime) ในระยะเวลาจำกัดและการสูญหายของข้อมูลบางส่วนได้ เช่น ธุรกิจที่ใช้ระบบคลาวด์เป็นหลักหรือองค์กรที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการลงทุนในระบบ Hot Site

 

Cold Site

Cold Site เป็นระบบสำรองข้อมูลขั้นพื้นฐานที่มีการติดตั้งเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่อเครือข่าย โดยไม่มีการติดตั้งระบบสำรองข้อมูลไว้ล่วงหน้าหรือมีเพียงเล็กน้อย ทำให้ต้องใช้เวลาในการเตรียมระบบและกู้คืนข้อมูลค่อนข้างนานก่อนที่จะสามารถใช้งานได้

Cold Site ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินระยะยาว เช่น กรณีที่ระบบหลักได้รับความเสียหายจากอัคคีภัยหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติจนไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นจึงควรเลือกตั้ง Cold Site ในพื้นที่ที่แยกออกจากระบบ Data Center หลักออกมาอย่างชัดเจน แม้ว่าจะใช้เวลาในการเตรียมระบบนานที่สุดในบรรดา DR-Site ทั้งหมดและต้องมีการเตรียมอุปกรณ์สำรองข้อมูลเพิ่มเติม แต่ก็เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับการลงทุน

 

ระบบ Disaster Recovery สำคัญต่อองค์องค์กรอย่างไร

 

ระบบ Disaster Recovery สำคัญต่อองค์กรอย่างไร

ระบบ Disaster Recovery มีความสำคัญต่อองค์กรในหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การปกป้องข้อมูลสำคัญไปจนถึงการรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจ ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การมีระบบ Disaster Recovery ที่มีประสิทธิภาพก็จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการดำเนินธุรกิจได้อีกด้วย

 

สรุปบทความ

ระบบ Disaster Recovery เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยความเสียหายข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีให้เลือกใช้ 3 ประเภทตามความเหมาะสมกับองค์กร ไม่ว่าจะเป็น Hot Site สำหรับองค์กรที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูงสุด Warm Site สำหรับองค์กรที่ต้องการความสมดุลระหว่างต้นทุนและประสิทธิภาพหรือ Cold Site สำหรับองค์กรที่มีงบประมาณจำกัด การลงทุนในระบบ Disaster Recovery จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจำเป็นสำหรับทุกองค์กรที่จะกำลังมีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)

 

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Ditto

📞 02-517-5555

https://dittothailand.com/contact-us/

Line ID: @dittothailand