ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลากหลายองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด 19 ได้อาศัยโอกาสนี้ ยกระดับการทำงานภายในให้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ทั้งยังตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลมากขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า Digitization นั่นเอง ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลให้บุคลากรภายในองค์กรสามารถทำงานต่อไปได้ แม้ตัวองค์กรจะเผชิญหน้ากับวิกฤติระดับโลกอยู่ก็ตาม วันนี้ Ditto จึงอยากพาทุกท่าน ไปเจาะลึก 3 องค์กรชั้นนำที่เลือกทำ Digital Transformation กันครับ ว่าพวกเขาได้รับประโยชน์อะไรจากการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้นบ้าง
Microsoft
สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จัก Microsoft บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ที่ถูกก่อตั้งโดย Bill Gates และ Paul Allen ชายสองคนที่มีความเชื่อว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั้นจะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมโลกทั้งใบ ซึ่งในยุคปัจจุบันมันก็ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าวิสัยทัศน์ของพวกเขาเป็นอะไรที่มาก่อนกาลอย่างแท้จริง โดยตัว Microsoft นั้น ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งองค์กรสำคัญอันดับต้น ๆ ของโลกที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เพราะนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1975 เป็นต้นมา Microsoft ก็ได้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และการให้บริการต่าง ๆ แก่ผู้ใช้งานออกมามากมาย
แต่ถึงตัวบริษัทจะเคยประสบความสำเร็จมามากมายขนาดไหน รูปแบบการทำงานของ Microsoft ก็มาถึงจุดเปลี่ยนผ่านในที่สุด เมื่อการมาถึงของอินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบครั้งสำคัญ ที่ทำให้ตัวบริษัทต้องทำการ Digital Transformation เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้สมัย โดยหันไปสนับสนุนการให้บริการลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ และมุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ในรูปแบบของคีย์ ที่ให้ลูกค้าไปเปิดใช้งาน(Activate) และดาวน์โหลดผ่านอินเทอร์เน็ตแทน ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงตรงนี้เองก็ส่งผลดีมากมายให้แก่ตัวบริษัท
ยกตัวอย่างเช่น
- การซื้อขายสินค้าเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว การขายซอฟต์แวร์ในรูปแบบของคีย์ผ่านอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้กิจกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว เพราะมันทำให้ลูกค้าของ Microsoft สามารถดาวน์โหลดและใช้งานซอฟต์แวร์ได้ในทันที กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งกลยุทธ์อะไรให้มากมาย
- มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นมหาศาล เมื่อการซื้อขายเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต กลุ่มลูกค้าของ Microsoft ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ทำให้ปริมาณผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ของ Microsoft มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในปัจจุบันอัตราผู้ใช้งานก็มียอดพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปีอย่างมั่นคง
- การให้บริการหลังการขายมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลก การเปิดตัวชุมชนออนไลน์เพื่อ Support ผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต ก็ส่งผลให้ตัว Microsoft สามารถพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้โดยตรง เป็นการยกระดับบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังสอดคล้องต่อยุคสมัยและพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว
- หน้าร้านน้อยลง กำไรเพิ่มขึ้น หลังจากทำ Digital Transformation โดยย้ายการให้บริการเกือบทั้งหมดมาอยู่บนอินเทอร์เน็ต กำไรของ Microsoft ก็พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติกาล เพราะตัวบริษัทไม่จำเป็นต้องพึ่งหน้าร้านหรือตัวแทนจำหน่ายอีกต่อไป พวกเขาสามารถขายสินค้าของตัวเองได้โดยตรง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป
Tencent
ถ้าต้องพูดถึงบริษัทหรือองค์กรยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนแล้ว เราคงนึกถึงชื่อของ Alibaba บริษัท E-Commerce ชื่อดังระดับโลกมาเป็นอันดับแรก แต่เชื่อหรือไม่ว่ายังมีบริษัทที่ใหญ่กว่าและประสบความสำเร็จมากกว่า Alibaba อยู่อีก นั่นก็คือ Tencent บริษัทไอทีจากเซินเจิ้นที่ทำธุรกิจมากมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอเกม แอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งภาพยนตร์ หรือ แอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้ว Tencent ยังคงมีธุรกิจในเครือแยกย่อยลงไปอีกมากมายตั้งแต่ การคิดค้นและพัฒนายานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ การให้บริการ Clound Computing และการให้บริการเทคโนโลยีด้านการเงิน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Tencent เดินทางมาถึงจุดนี้ได้นั้น เกิดขึ้นมาจากการเล็งเห็นความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงเปลี่ยนนโยบายการทำงานเพื่อมุ่งเน้นสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนแทน และปรับตัวทำ Digital Transformation อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแอปพลิเคชัน WeChat ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก จนส่งผลดีมากมายให้กับตัวบริษัท
ยกตัวอย่างเช่น
- ต่อยอดไปสู่แอปพลิเคชันอีกมากมาย จากความสำเร็จของ WeChat ก็ทำให้ Tencent เริ่มกรุยทางลงทุนพัฒนาแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น WeTV, JOOX หรือเกมมือถืออย่าง ROV, PUBG Moblie และ League of Legends เป็นต้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อยอดสิ่งใหม่ ๆ อย่างแท้จริง
- ได้รับผลกำไรมหาศาล นอกจาก WeChat แล้ว Tencent ยังมีรายได้มหาศาลจากแอปพลิเคชันอีกมากมายที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาสามารถลงทุนกับธุรกิจอื่น ๆ ที่สนใจได้อย่างไร้ข้อจำกัด นี่จึงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงที่ถูกที่ถูกเวลา จะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลเกินกว่าที่คาดไว้
- อัตราการเติบโตที่สูงขึ้นในทุก ๆ ปี อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Tencetn ทำการ Digital Transformation หลายครั้งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และทุกครั้งที่พวกเขาทำก็ส่งผลให้ตัวบริษัทเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ ปี โดยในปัจจุบันอัตราการเติบโตก็ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
Amazon
ในยุคที่การค้าขายออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ นอกจาก Shopee, Lazada หรือ Alibaba แล้ว คงไม่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตคนไหนไม่รู้จัก Amazon เว็บไซต์ E-Commerce ชื่อดังที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก! ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1994 Jeff Bezos ได้ก่อตั้ง Amazon ขึ้นโดยเริ่มต้นจากการเป็นเว็บไซต์ขายหนังสือออนไลน์ ก่อนจะพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นเว็บไซต์ E-Commerce ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ตลอดเวลา 28 ปีที่ก่อตั้งบริษัทมา Amazon ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมและการบริการใหม่ ๆ ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็น ยกระดับการให้บริการสมาชิกระดับพรีเมี่ยมอย่าง Amazon Prime, การคิดค้นผู้ช่วยอัจฉริยะ Amazon Alexa หรือร้านค้าสะดวกซื้อสุดไฮเทค Amazon Go เป็นต้น
แต่ด้วยเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การมาถึงของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนและสิ่งที่ Steve Jobs สร้าง ก็ส่งผลให้ Amazon ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์บริษัทจากการเป็นผู้นำด้านการค้าปลีก ให้กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างที่ Apple เป็น Amzon พยายามพลักดันโครงการและนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมามากมายเพื่อยกระดับบริษัท จนในที่สุดก็ได้ทำการ Digital Transformation ปรับโครงสร้างการทำงานภายใน กำเนิดเป็นการให้บริการ Amazon Web Service หรือ AWS ขึ้น กลายเป็นทิศทางการทำงานใหม่นอกเหนือจากการทำ E-Commerce จนส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงและได้รับประโยชน์มากมาย
ยกตัวอย่างเช่น
- กลายผู้นำด้านการให้บริการ Web Service ด้วยความที่ AWS เป็นธุรกิจที่ขายโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นหลัก เช่น การให้บริการฐานข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล หรือ ระบบการคำนวณแบบสมรรถนะสูงด้วย Super Computer มันก็ได้ทำให้บริษัทเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ หันมาพึ่งพา AWS กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Pinterest, Instragram ล้วนก็ใช้บริการของ Amazon แทบทั้งสิ้น ส่งผลให้ AWS กลายเป็น Web Service อันดับหนึ่งที่หลายธุรกิจเลือกใช้
- สร้างกำไรได้มหาศาล AWS กลายมาเป็นช่องทางหลักในการสร้างรายได้มหาศาลให้แก่ตัว Amazon ไปโดยปริยาย ทำให้บริษัทสามารถนำเอาเงินทุนจำนวนมากไปอุดรอยรั่วในฝั่งของ E-Commerce ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ Amazon สามารถขยายขอบเขตการทำงานจนเกิดเป็นการให้บริการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่บริษัทอื่นไม่สามารถเทียบชั้นได้อีกต่อไป
- กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างแท้จริง จากความสำเร็จที่ AWS สร้าง ก็ทำให้การบริการด้าน Web Service ของ Amazon กลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่หลายบริษัทและสตาร์ทอัพมากมายเลือกใช้ ส่งผลให้ Amazon กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่สร้างอิมแพคมหาศาลให้แก่ภาคธุรกิจอย่างที่ Jeff Bezos ต้องการ เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์มากมาย ๆ ที่ประสบคำความสำเร็จล้วนมี Amazon อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
Microsoft, Tencent และ Amazon ถือเป็นสามองค์กรชั้นนำที่พิสูจน์แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด กลับกันเสียอีก หากเราสามารถปรับตัวและเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรได้อย่างสร้างสรรค์ มันก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้ Ditto จึงมุ่งเน้นพัฒนาระบบต่าง ๆ ขึ้น เพื่อสนับสนุนและพร้อมวางรากฐานให้ทุกองค์กรมีโครงสร้างการทำงานที่ทันสมัย จนพร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
📞 02-517-5555
Line ID: @dittothailand
ขอบคุณข้อมูลจาก
thanapongphan.medium.com, news.siamphone.com, investerest.co, brandinside.asia, tharadhol.com
