เชื่อว่าหลายคนกำลังรู้สึกเหมือนกันว่าเราอยู่ในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอความรุ่งเรืองของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะโลกการทำงานของคนรุ่นใหม่เริ่มมีสาขาอาชีพให้เลือกหลากหลายขึ้น ส่งผลให้คนหางานในปัจจุบัน มองหาตัวเลือกที่แสดงความทันสมัยขององค์กรและตำแหน่งงานนั้น ๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Gen Z ที่เริ่มก้าวสู่วัยทำงานหรือ First Jobber ซึ่งทาง Universum Global ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2040 คนกลุ่มนี้จะมีมากถึง 40% ของตลาดแรงงานทั่วโลก ที่สำคัญนับเป็นรุ่นแรกของ Digital Native หรือผู้ที่เข้าใจคุณค่าพยายามมองหาโอกาสสร้างประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่เสมอ
แล้วทำไมองค์กรจึงควรปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นใหม่?
จากผลสำรวจข้อมูลบนแพลตฟอร์มของจ๊อบส์ดีบี (JobsDB) พบว่าปี 2564 ที่ผ่านมา มี
ผู้หางานในประเทศไทยมากกว่า 51% เลือกใช้ “ชื่อบริษัทหรือองค์กร” เป็นคีย์เวิร์ดหลัก และใช้ “ตำแหน่งงาน” เป็นคีย์เวิร์ดรองลงมาในการหางาน อยู่ที่ 32%
ซึ่งข้อมูลนี้สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าคนทำงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับองค์กรเป็นปัจจัยหลัก ในการตัดสินใจเลือกร่วมงาน ซึ่งวันนี้ Ditto มี 3 แนวทางพัฒนาองค์กรให้คนทำงานรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย มาแบ่งปันเหล่าผู้ประกอบการและทีมบริหารได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อดึงดูดบุคลากรรุ่นใหม่มีคุณภาพและรักษาคนเก่าให้ยังคงอยู่ต่อไป
-
สนับสนุนเครื่องมือที่ทันสมัยให้บุคลากรทำงานได้สะดวกขึ้น
แน่นอนว่าปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเฟื่องฟู และโลกธุรกิจถูกปรับให้เป็น Digital Transformation ซึ่งจุดเริ่มต้นง่าย ๆ ของหลายองค์กรมักเริ่มจากปรับวิธีการทำงานแบบเดิมระบบ Manual ให้มีความรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น โดยเปลี่ยนรูปแบบข้อมูล Analog ภายในองค์กรให้กลายเป็นข้อมูล Digital เช่น ไฟล์ภาพ หรือ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เรียกวิธีการนี้ว่าการทำ Digitization
และเพื่อให้ทุกขั้นตอนการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น องค์กรจึงจำเป็นต้องลงทุนใน Digital Technology นำมารองรับข้อมูลดิจิทัล โดยสามารถใช้มากกว่า 1 ระบบเอามาทำงานร่วมกันภายในองค์กร นอกจากระบบเหล่านี้จะช่วยให้บุคลากรจบงานได้ไวขึ้น ยังส่งผลดีต่อองค์กรในการรักษาความปลอดภัยของฐานข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ที่สำคัญผู้บริหารสามารถควบคุมการทำงานได้ครอบคลุมทุกภาคส่วนมากกว่าระบบ Manual ที่อาจจะมีช่องโหว่แถมตรวจสอบย้อนหลังได้ยากหากเกิดข้อผิดพลาดระหว่างทำงาน
-
ออกแบบโครงสร้างกระบวนการทำงานให้ชัดเจน
นอกจากการเปลี่ยนมาใช้ข้อมูลรูปแบบดิจิทัลแล้ว การทำให้ระบบการทำงานดำเนินไปอย่างไหลลื่นได้โดยไม่ติดขัด องค์กรต้องสำรวจโครงสร้างภายในด้วยว่ามีการวางตำแหน่งบุคลากรได้เหมาะสมกับหน้าที่หรือไม่ รวมถึงผังเชื่อมโยงการทำงานระหว่างคนและฝ่ายห รือที่องค์กรเรียกว่าผังงาน (FlowChart) เปรียบเสมือนหัวใจหลักคอยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจขั้นตอนการทำงานในรูปแบบเดียวกัน แต่สำหรับการทำงานยุคดิจิทัลมีเครื่องมือสร้างผังงานให้กลายเป็นโครงสร้างการทำงานอัตโนมัติในองค์กรได้เลย อย่างระบบ Workflow ตัวช่วยขับเคลื่อนกระบวนการทำงานที่สามารถระบุต้นทางและปลายทางของการเดินเอกสารตั้งแต่สร้าง ตรวจสอบ แก้ไข และอนุมัติให้สำเร็จได้ทุกกระบวนการภายในระบบเดียว
-
ปรับพื้นที่การทำงานให้ยืดหยุ่น จะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้
เมื่อโลกการทำงานสามารถเชื่อมต่อถึงกันผ่านเครือข่ายได้ทั้งหมด อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้หางานยุคดิจิทัลกำลังมองหา คือ องค์กรที่มีนโยบาย Hybrid Work หรือ Work from Anywhere เพราะคนทำงานรุ่นใหม่อยากปรับเวลาทำงานให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น และลดการใช้เวลาที่ไม่จำเป็นอย่างวันที่ต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ ซึ่งแนวคิดนี้ถูกปรับใช้มากขึ้นในหลายองค์กรสังเกตได้จากการประชุมออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom, Microsoft Team, Google Meeting และอีกมากมายสามารถทำให้ทุกสถานที่กลายเป็นสำนักงานได้
จากทั้ง 3 แนวทางปรับองค์กรให้ตอบโจทย์คนทำงานยุค Digital เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ Digitization Process หากคุณคือผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาโอกาสเติบโตในการเป็นผู้นำความทันสมัย สามารถปรึกษา Ditto ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีบริหารงานในองค์กร มาพร้อมประสบการณ์ดูแลลูกค้าหลากหลายรูปแบบอุตสาหกรรมนานกว่า 20 ปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
📞 02-517-5555
Line ID: @dittothailand
อ้างอิง
th.jobsdb.com, Springnews.co.th, Teksystems.com, Universumglobal.com, culi.chula.ac.th