จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกของเรา ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยพยายามนำพลังงานทดแทนเข้ามาปรับใช้ในการผลิตไฟฟ้า พร้อมลดการใช้แหล่งพลังงานที่ผลิตคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก ด้วยความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน จึงมีการเรียกร้องให้หน่วยงานด้านสาธารณูปโภคทำงานหนักขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน (Decarbonization) ได้ในเชิงรุกมากขึ้น
หลายคนอาจสงสัยว่า Decarbonization คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรกับโลกของเรา? บทความนี้เราได้สรุป Decarbonization ฉบับเข้าใจง่ายมาได้คุณได้ทำความรู้จักกัน
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาจากไหน
การเกิดขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงาน ทั้งกระบวนการผลิตไฟฟ้า กระบวนการคมนาคม รวมไปถึงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศเช่นกัน
Decarbonization คืออะไร
Decarbonization คือ กระบวนการลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมหรือลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้า มีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมดทั่วโลกในอัตรา 25% จึงทำให้มีบทบาทสำคัญในการเดินหน้าลดปริมาณคาร์บอนนั่นเอง
การจำกัดคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำได้อย่างไร
การกำจัดคาร์บอนเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้เป้าหมายการ Decarbonization บรรลุได้ เป็นทางเลือกที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เป็นหลักพื้นฐานในการลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งความท้าทายแรกของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานให้ยังมีประสิทธิภาพ นั่นคือการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาดเข้ามาช่วยเพื่อลดการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อีกหนึ่งความท้าทายสำหรับการ Decarbonization คือการลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากการคมนาคม และการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ หากมีมาตรการที่ช่วยเข้ามาควบคุมและมีระเบียบวินัย จะช่วยให้สิ่งแวดล้อมมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
สรุป Decarbonization
ขณะที่หลายหน่วยงานกำลังเร่งลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค และภาครัฐของแต่ละประเทศ ในฐานะประชากรของโลก เราก็สามารถช่วยให้ Decarbonization เกิดขึ้นจริงได้เช่นกัน เพียงแค่เริ่มรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่าชายเลนที่สามารถสังเคราะห์แสงได้สูง เพิ่มการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปีค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี ค.ศ. 2065
Ditto (ดิทโต้) พร้อมพาคุณและโลกไปสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี Green & Climate Technology รวมถึงการปลูกป่าชายเลนที่มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่การเพิ่มแหล่งกักเก็บคาร์บอนภายในประเทศ ที่นอกจากจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ธรรมชาติ รักษาสภาวะอากาศแล้วยังช่วยพัฒนาองค์กรได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโลก พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่อำนวยต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ได้อย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศ
ติดต่อสอบถามข้อมูลระบบจัดการเอกสาร เพิ่มเติม
📞 02-517-555
📱063 204 0321
Line ID: @dittothailand