เมื่อโลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว หลายองค์กรเริ่มมีการปรับโครงสร้างระบบการจัดการ เพื่อให้มีประสิทธิภาพเท่าทันยุคสมัย และนำการพัฒนาของเทคโนโลยีเข้ามาช่วยการทำงาน เมื่อพูดถึงการทำ Digital Transformation คุณคงจะเคยคุ้นหูกับคำว่า Digitization และ Digitalization กันมาอยู่บ้าง เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น รวมถึงเข้าใจความสำคัญของการทำ Digital Transformation และมีกระทบอย่างไรต่อองค์กร ในบทความนี้ Ditto จะมาเล่าให้ทุกคนฟัง!
Digitization, Digitalization, Digital Transformation คืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร?
ก่อนจะเล่าถึงความสำคัญและประโยชน์ของการทำ Digital Transformation เรามาทำความเข้าใจกับความหมายของคำเหล่านี้เสียก่อนว่าแตกต่างกันอย่างไร?
Digitization คืออะไร?
ความหมาย: การเปลี่ยนแปลงข้อมูล “รูปแบบกายภาพ” เป็น “รูปแบบดิจิทัล”
การทำ Digitization ถือเป็นขั้นตอนการเริ่มต้นขององค์กรที่จะนำข้อมูลแบบ Analog หรือทุกสิ่งที่เป็นข้อมูลแบบกายภาพ สามารถจัดเก็บและนำมาใช้ซ้ำได้หรือใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น ภาพถ่าย, เอกสาร หรือหนังสือ ซึ่งการทำ Digitization คือระบบที่จะนำสิ่งที่เป็น Analog เหล่านี้เปลี่ยนแปลงเป็นระบบ Digital ทั้งหมด เช่น การเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นไฟล์ภาพ, การเปลี่ยนจากเอกสารให้เป็นไฟล์ Docs/PDF/exe หรือการเปลี่ยนหนังสือให้เป็น E-book เป็นต้น
Digitalization คืออะไร?
ความหมาย: การนำเอา “เทคโนโลยี” มาใช้เพื่อเปลี่ยน “รูปแบบการทำธุรกิจ (Business Model)”
การทำ Digitalization จะเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจ เพื่อขยายกระบวนการทำงานทางธุรกิจ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ผ่านช่องทางใหม่ ๆ และสร้างคุณค่าให้ธุรกิจ เช่น การใช้ระบบ Document & Data Management เพื่อดูแลการจัดเก็บเอกสารและควบคุม Workflow การทำงาน และ Chatbot เพื่อตอบโจทย์ความรวดเร็วการให้บริการลูกค้า ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานขององค์กรที่จะทำให้ระบบมีความอัตโนมัติและรวดเร็วยิ่งขึ้น
Digital Transformation คืออะไร?
ความหมาย: การเปลี่ยนแปลง “วิธีการทำธุรกิจ” แบบ “เชิงกลยุทธ์” ด้วยการ “ลงทุนใน Digital Technology”
การทำ Digital Transformation เป็นการเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจเพื่อเปลี่ยนให้องค์กรเข้าสู่การทำงานแบบ Digital อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงานภายใน วัฒนธรรมองค์กร ไปจนถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งหมายความว่าการทำ Digital transformation นั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เป็น Digital ตั้งแต่รากฐานการทำธุรกิจ ไปจนถึงวิธีการดำเนินธุรกิจด้วยการใช้ Digital Technology เพื่อตอบโจทย์การทำงานและการให้บริการลูกค้าในอนาคต เช่น การเปลี่ยนจากร้านขายวิดีโอเป็น Online Streaming และ ระบบ Subscription แบบ Netflix และ Amazon หรือแม้กระทั่งธนาคารที่มีการทำ Mobile Banking
( Cr. https://moverstech.com/)
ทำไมธุรกิจต้องปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation?
จากที่ได้เข้าใจความหมายและความแตกต่างของทั้ง Digitization , Digitalization และ Digital transformation มาแล้วคุณคงสังเกตได้ว่า ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จะเหมาะกับการทำ Digital transformation แบบ 100% เพราะรูปแบบการทำธุรกิจนั้นมีความแตกต่างกัน แต่การทำ Digitization และ Digitalization เพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพกับองค์กร และให้บริการลูกค้านั้นมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบันแบบนี้ ซึ่งก็ถือเป็นการทำ Digital Transformation ถึงแม้จะไม่ 100%
รวมถึงในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของผู้บริโภคหรือผู้ผลิต เห็นได้ว่าหลาย ๆธุรกิจเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนในเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อพัฒนาให้ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว อีกทั้งยิ่งธุรกิจมีการทำงานที่รวดเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งตอบโจทย์การให้บริการลูกค้ายุคใหม่มากเท่านั้น เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันตามยุคสมัย เพื่อตอบสนองการให้บริการและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
หากยังดำเนินธุรกิจในแบบเดิมอยู่ก็เป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้าถึงลูกค้าได้เร็วกว่าและชิงความได้เปรียบในตลาดของคุณไป
ประโยชน์ของการทำ Digitalization และ Digitization Process ตัวอย่างเช่น
- การเข้าถึงข้อมูลและเอกสารอย่างรวดเร็ว ทุกที่และทุกเวลา
- สร้างฐานเก็บข้อมูลที่สามารถอยู่ได้ตลอดไป
- การเข้าถึงประวัติข้อมูลเก่า ๆ และค้นหาข้อมูลได้ง่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างแผนก
- เพิ่มความละเอียดและแม่นยำของข้อมูล
- ลดขั้นตอนงานซ้ำซ้อน และประหยัดค่าใช้จ่าย
- ประหยัดค่าใช้จ่ายหลายด้าน เช่น กระดาษ อุปกรณ์และพื้นที่จัดเก็บเอกสาร
- ทำให้เกิดการตัดสินใจในการทำงานที่ดีขึ้น
3 แนวทางอยากเริ่ม Digital Transformation ต้องทำอย่างไรบ้าง?
หากต้องการเริ่มปรับกระบวนการทำงานขององค์กรให้เป็น Digital Transformation ทาง Ditto ขอแนะนำ 3 แนวทางหลัก เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้ธุรกิจคุณ
1. กำหนดจุดประสงค์การทำ Digital Transformation ให้ชัดเจน
แต่ละองค์กรนั้นมีจุดประสงค์ในการเริ่มต้น Digital Transformation ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นคุณควรกำหนดเป้าหมายให้แน่นอนก่อนที่จะลงทุน ซึ่งคุณสามารถเริ่มจากจุดประสงค์ง่าย ๆ ที่ทำได้ก่อน เช่น การลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อน, การเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร และการเพิ่มประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้า เป็นต้น
2. กำหนดและเรียนรู้เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายให้เลือกใช้ที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช้ทุกเทคโนโลยีที่จะเหมาะสมกับธุรกิจและจุดประสงค์ของคุณ ดังนั้นธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องศึกษาและทำความรู้จักเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น ซอฟแวร์และระบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับโครงสร้างของธุรกิจของคุณทั้งนี้เมื่อเปลี่ยนวิธีการทำงานเข้าสู่ระบบ Digital อย่างเต็มตัว ธุรกิจก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของระบบและข้อมูลด้วยเช่นกัน
3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมกับการทำ Digital Transformation
แน่นอนว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการทำงานขององค์กร สิ่งที่สำคัญต่อมาคือ การสร้างศักยภาพบุคลากรให้พร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าแบบ Digital ไปกับองค์กร องค์กรต้องสร้างความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน และสร้างวัฒนธรรมที่เหมาะสม เพื่อเตรียมพร้อมกับระบบ Digitalization และ Digitization Process เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้
สนใจพัฒนาองค์กรสู่ Digital Transformation ไปกับ Ditto
Ditto คือผู้ให้บริการด้านการบริหารงานเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณมีการทำงานแบบเรียบง่าย คล่องตัว และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
บริการของเรา
Document & Data Management Solution, BPO Service, Printer, Drive-Thru System, POS Service และ Technical Service
หากคุณสนใจหรืออยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ระบบ DMS Ditto (Thailand) ให้บริการ
สนใจสินค้าหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
📞 02-517-5555