การบริหารจัดการความเสี่ยง
และการจัดการภาวะวิกฤต
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยง
และเพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล บริษัทจึงจัดให้มีการสอบทานระบบ การควบคุมภายในและระบบการบริหารความเสี่ยงโดยผู้ตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก โดยมีคุณกำธร ฉิมพาลี ผู้จัดการแผนกตรวจสอบภายในเป็นผู้ประสานงาน
การประเมินความเสี่ยง
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยง
การประเมินและจัดลำดับความเสี่ยง
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
(Risk Appetite)
และขอบเขตช่วงความเบี่ยงเบนที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance)
ตัวชี้วัดด้านความเสี่ยง Key Risk Indicators (KRIs)
การรายงานผลการดำเนินงานและจัดทำรายงานบริหารความเสี่ยง
ปัจจัยความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
เนื่องจากธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร ธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้าน เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่น ๆ และธุรกิจให้บริการ และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี สำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ของบริษัทและบริษัทย่อย เป็นธุรกิจที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ราคา และความเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานแต่ละประเภท ซึ่งจะส่งผลต่อ ความสามารถในการแข่งขัน และภาวะ การแข่งขันในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบ บริหารจัดการเอกสารทำให้ทั้งสำนักงานและองค์กรต่าง ๆ เริ่มมีแนวโน้มที่จะลดการใช้กระดาษลง (Paperless Office) และหันมาใช้ระบบ บริหารจัดการเอกสารในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เนื่องจากสามารถลดต้นทุนในการจัดเก็บเอกสารได้ในระยะยาว
รวมถึงสามารถอนุรักษ์สภาพแวดล้อมซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งการลดการใช้กระดาษข้างต้น จะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการให้เช่าและจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องพิมพ์ รวมถึงอะไหล่ หมึก และกระดาษ ซึ่งจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ได้ บริษัทจึงมุ่งเน้นในการขยายธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร ให้ครอบคลุมระบบบริหารจัดการ เอกสาร และให้บริการสแกนและจัดเก็บเอกสารในรูปแบบดิจิทัลอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภค จนปัจจุบันเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัท บริษัทและบริษัทย่อยจึงต้องมีการศึกษา และติดตามข้อมูลของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงจัดหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันอย่าง ต่อเนื่อง โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีการอบรมบุคลากรของบริษัท และบริษัทย่อยให้มีความรู้และเข้าใจเทคโนโลยีที่เปลี่ยน แปลงไปตลอดเวลาจากสื่อต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อยยังได้รับข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จากผู้จำหน่ายสินค้าและเจ้าของตราสินค้าที่บริษัทและบริษัทย่อยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทน จำหน่ายอีกด้วย
- ความเสี่ยงจากการสูญเสียการเป็นตัวแทนจำหน่ายตราสินค้าที่สำคัญ
บริษัทและบริษัทย่อยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ตราสินค้าต่าง ๆ ทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์ระบบบริหาร จัดการเอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ รวมถึงอุปกรณ์ ส่วนประกอบสำคัญและธุรกิจให้บริการรับเหมาวิศวกรรม ด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการ ของหน่วยงานราชการต่าง ๆ เช่น เครื่องฉายดาวระบบดิจิทัล เป็นต้น ซึ่งคุณภาพของอุปกรณ์ดังกล่าว มีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ต่อคุณภาพของระบบที่บริษัทและบริษัทย่อย ให้บริการ ดังนั้น หากบริษัทและบริษัทย่อยสูญเสียตราสินค้าดังกล่าวไป เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ไม่ได้รับการต่อสัญญา แต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย บริษัทคู่ค้ามีการควบรวมกับบริษัทอื่น หรือมีการเปลี่ยนนโยบายในการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทและบริษัทย่อยได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาดเพื่อศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มลูกค้า เช่น ระบบบริหารจัดการเอกสารที่มี ศักยภาพเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มลูกค้า และทำการติดต่อกับเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้รับสิทธิในการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว โดยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ทำให้บริษัทและบริษัทย่อย ลดการพึ่งพิงการเป็นตัวแทน จำหน่ายสินค้าตราสินค้าใดตราสินค้าหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทและบริษัทย่อยยังไม่เคยสูญเสีย การเป็นตัวแทนจำหน่ายตราสินค้าใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทและบริษัทย่อยอย่างมีนัยสำคัญ
- ความเสี่ยงจากการที่บริษัทเจ้าของตราสินค้าเข้ามาทำการตลาดเอง
กรณีที่บริษัทเจ้าของตราสินค้าระบบบริหารจัดการเอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ มีความประสงค์จะเข้ามาทำตลาด ในกลุ่มลูกค้าของบริษัทโดยตรงโดยไม่ผ่านบริษัท อาจทำให้บริษัทมีความเสี่ยงในการสูญเสียความเป็นตัวแทนจำหน่าย ตราสินค้านั้น ๆ และมีความเสี่ยงที่จะต้องแข่งขันกับบริษัทเจ้าของตราสินค้าที่จะเข้ามาทำการตลาดเอง
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าความเสี่ยงดังกล่าวมีโอกาสเกิดน้อย เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการ ระบบบริหารจัดการเอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ มาเป็นเวลานาน ทำให้บริษัทมีความสามารถในการตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าได้ดี รวมถึงมีระบบบริหารจัดการการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ และมีประวัติโครงการอ้างอิง ในการจำหน่ายและให้บริการลูกค้าทั้งหน่วยงานราชการและเอกชนเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการ ลดลงของยอดขายในกรณีที่เจ้าของตราสินค้ารายใดรายหนึ่งเข้ามาทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าของบริษัทและบริษัทย่อยเอง อีกทั้งบริษัทได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของตราสินค้าให้เป็นตัวแทนจำหน่ายในการยื่นข้อเสนอในโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐบาลและเอกชนอีกด้วย
- ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้รับจ้าง (Outsource)
เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีการให้บริการในลักษณะโครงการ ซึ่งบางโครงการ เช่น โครงการระบบบริหาร จัดการเอกสาร หรือ โครงการรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ เป็นต้น บริษัทหรือบริษัทย่อยจำเป็นต้องทำการว่าจ้างผู้รับจ้างในการดำเนินการสำหรับงานบางส่วน (Outsource) ซึ่งอาจเป็นงานในส่วนที่บริษัทหรือบริษัทย่อยไม่ชำนาญ หรือบุคลากรในการดำเนินงานไม่เพียงสำหรับโครงการนั้น ๆ เช่น งานก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร หรือ งานเขียนโค้ดโปรแกรมระบบบริหารจัดการเอกสารตามที่บริษัททำการออกแบบไว้ เป็นต้น ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยมีการว่าจ้างผู้รับจ้างที่มีสัดส่วนการว่าจ้างมากกว่าร้อยละ 10 ของการว่าจ้างรวมในปี 2566 เท่ากับ 1 ราย โดยมีสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 10.70 ของยอดว่าจ้างรวม และปี 2565 เท่ากับ 1 ราย โดยมีสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 18.41 ของยอดว่าจ้างรวม ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีความเสี่ยงหากผู้รับจ้างนั้น ๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเวลา ที่กำหนด หรือผู้รับจ้างช่วงนั้นส่งมอบผลงานที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่เป็นไปตามคุณสมบัติที่ระบุตามที่ตกลง จนอาจทำให้ ต้องส่งมอบงานล่าช้าและถูกปรับจากผู้ว่าจ้างได้อย่างไรก็ตาม บริษัทและบริษัทย่อยมีการป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้รับจ้าง โดยให้วิศวกรของบริษัทหรือ บริษัทย่อยควบคุมการทำงานและติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานของผู้รับจ้างในทุกขั้นตอน ทำให้สามารถทราบ ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นและสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที นอกจากนี้ ในการว่าจ้างผู้รับจ้างนั้น บริษัทและบริษัทย่อยย่อยจะมี การตั้งเงื่อนไขสำหรับค่าปรับหากผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าที่กำหนดหรือคุณภาพของงานมิได้เป็นไปตามที่กำหนด เพื่อชดเชยค่าปรับที่อาจจะเกิดขึ้นแก่บริษัทหรือบริษัทย่อยหากมีการส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าล่าช้าหรือเกิดความเสียหายอันเนื่องจากความผิดพลาดของผู้รับจ้างรายนั้น ๆ อีกทั้ง บริษัทและบริษัทย่อยมีการจัดทำรายชื่อผู้รับจ้างสำหรับงาน ประเภทต่าง ๆ โดยมีการประเมินผู้รับจ้างเป็นประจำทุกปี
- ความเสี่ยงจากความไม่สม่ำเสมอของรายได้และอัตรากำไร
ขั้นต้นของโครงการให้บริการบริหารจัดการระบบงาน
- ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- ความเสี่ยงจากการส่งมอบงานล่าช้ากว่าที่กำหนดตามสัญญา
ธุรกิจของบริษัทและการให้บริการวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ของบริษัทย่อยเป็นการให้บริการในลักษณะงานโครงการ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จและบางสัญญาอาจมีการระบุค่าปรับที่บริษัทและบริษัทย่อยจะต้องชดใช้หากมีการดำเนินการล่าช้ากว่าที่กำหนด ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ส่งมอบวัตถุดิบล่าช้า หรือผู้รับจ้าง (Outsource) ดำเนินการล่าช้ากว่ากำหนด เป็นต้น ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีความเสี่ยงที่อาจจะต้องชำระค่าปรับจากการดำเนินการ ล่าช้ากว่าที่กำหนด รวมถึงไม่สามารถรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวได้ตามที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี บริษัทและบริษัทย่อยมีการป้องกันความเสี่ยงจากการส่งมอบงานล่าช้ากว่าที่กำหนดตามสัญญา โดยมีการ ประสานงานกับผู้จำหน่ายอุปกรณ์อย่างใกล้ชิด และมีการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานของผู้รับจ้าง โดยมีวิศวกร ของบริษัทย่อยควบคุมการดำเนินงานทุกขั้นตอน ทำให้สามารถทราบถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และสามารถแก้ไข ได้ทันท่วงที รวมถึงมีการประสานงานกับผู้ว่าจ้างโครงการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ในการว่าจ้างผู้รับจ้างนั้น บริษัทและบริษัทย่อยจะมีการตั้งเงื่อนไขสำหรับค่าปรับหากผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าที่กำหนด เพื่อชดเชยค่าปรับ ที่อาจจะเกิดขึ้นแก่บริษัทและบริษัทย่อยหากมีการส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าล่าช้าอันเนื่องจากความล่าช้าของผู้รับจ้างรายนั้น ๆ
- ความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
- ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลที่บริษัทได้มีประกาศไว้ เช่น ผู้บริหารหรือพนักงาน ของบริษัทไม่ยึดถือและปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือกฎระเบียบข้อบังคับของบริษัท หรือข้อบังคับจากผู้ควบคุมอื่น ที่เกี่ยวข้อง เข่น การที่ผู้บริหารหรือพนักงานจงใจหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามนโยบายหรือระเบียบของบริษัทอันทำให้บริษัท เสียหาย หรือเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทให้ผู้อื่นรู้อาจทำให้บริษัทและบุคคลภายนอกเสียหายได้ หรือผู้บริหาร หรือพนักงานอาจจงใจหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และกฎระเบียบเกี่ยวกับหลักทรัพย์อาจทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ หรือการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้าน กฎหมายภายในบริษัทยังไม่ทั่วถึงหรือยังไม่ครอบคลุมพนักงานทั้งหมดของบริษัทอาจทำให้พนักงานในส่วนต่าง ๆ ขาดความตระหนักในการปฏิบัติงาน
บริษัทได้ประกาศใช้ Code of Ethics / Conduct เพื่อให้พนักงานทุกคนถือปฏิบัติและได้สื่อสารเน้นย้ำให้พนักงานเกิด ความตระหนักและให้ลงนามรับทราบ Code of Ethics / Conduct เป็นประจำทุกปี รวมทั้งมีช่องทางพิเศษให้ผู้มีส่วน ได้เสีย/พนักงานแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการฉ้อฉลหรือทุจริตโดยให้ฝ่ายตรวจสอบภายในตรวจสอบการปฏิบัติตาม Code of Conduct ของผู้บริหารและพนักงานตามแบบประเมินความเพียงพอของระบบการควบคุมภายใน (COSO)
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
และจากข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในทุกภาคอุตสาหกรรม และเป็นปัญหาที่องค์กรต่าง ๆ ระดับสากลให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุ น้ำท่วม หรือไฟไหม้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานและการจัดเก็บข้อมูลของบริษัท ตลอดจนการหยุดชะงักของธุรกิจที่ส่งผลต่อ การดําเนินงานของบริษัทและการส่งมอบบริการ และจากการประกาศเป้าหมายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี ค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 ของประเทศไทย ที่ได้ประกาศไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (UNFCCC : COP 26) เมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนการร่าง ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ จัดทำโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งเมื่อมีการบังคับใช้ อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจ
บริษัทมีการจัดทำแผนการจัดการภาวะวิกฤติ ที่มีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการซ้อมแผนการจัดการดังกล่าว
ทุกสถานที่ตั้งทั้งสี่สาขา เพื่อให้พนักงานในพื้นที่มีความเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ รวมถึงมีสถานที่สำรองในการปฏิบัติงาน และจัดเก็บข้อมูลสำรอง นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดทำซอฟต์แวร์ระบบการจัดการภายใน (Work Flow System) เพิ่มเติม เพื่อที่จะทำให้พนักงานของบริษัททุกคนนั้นสามารถทำงานได้ทุกสถานที่ที่ใดก็ได้ที่สามารถเชื่อมระบบอินเทอร์เน็ตได้เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทยังคงดำเนินการต่อไปได้เป็นปกติแม้จะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัทและบริษัทย่อย ได้ร่วมกันจัดทำรายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของบริษัทระดับองค์กรขึ้น (Carbon Footprint for Organization) เพื่อให้ได้ทราบว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่เราได้ดำเนินการไปนั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด เพื่อที่บริษัทจะได้หาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสม มาดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง เหมาะสมต่อไป
- ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Widespread Cybercrime)
ด้วยปริมาณข้อมูลดิจิทัลและธุรกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์จึงมีมากขึ้น เช่น การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง ตลอดจนการเข้าถึงข้อมูลแบบไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งภัยคุกคามเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจของบริษัท เช่น การหยุดชะงักของการปฏิบัติงานจากความเสียหายของระบบสารสนเทศพื้นฐาน การสูญเสียข้อมูลที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัทและเสถียรภาพของธุรกิจในระยะยาว หรือกระทั่งบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหากเกิดเหตุการณ์ข้อมูลของลูกค้ารั่วไหล เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทมีแนวทางการป้องกันและลดความเสี่ยงดังกล่าว ด้วยมาตรการจัดการความปลอดภัยด้านเทคโนโลยี (Cyber Security) ด้วยการทำการอัพเดทระบบให้มีการกรอง/ป้องกัน ที่ไม่พึงประสงค์ (spam) บนระบบสารสนเทศ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญทางเจ้าของผลิตภัณฑ์เข้ามาวิเคราะห์ ให้มีการใช้งานระบบตรวจจับการบุกรุก (Intrusion Detection System, IDS) และระบบตรวจจับการบุกรุกแบบฉบับกว้าง (Intrusion Prevention System, IPS) เพื่อตรวจสอบและป้องกันการบุกรุก และได้วางแนวทางที่จะนำเทคโนโลยีทางด้าน DLP เข้ามาใช้เพื่อจุดประสงค์ในด้านการป้องกันข้อมูลรั่วไหล อีกทั้งมีการดําเนินการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์และการทดสอบระบบเป็นประจําเพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ในเชิงรุก ตลอดจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้ตระหนักรู้เท่าทันภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้งานระบบสารสนเทศแบบต่าง ๆ