ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ คำว่า Digitalization, Digitization และ Digital Transformation มักถูกใช้สลับกันไปมาจนเกิดความสับสน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างคำทั้งสามและวิธีการนำ Digitalization มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของคุณ
Digitalization คืออะไร
Digitalization คือกระบวนการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจ สร้างรายได้และโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่ม การทำ Digitalization ไม่ได้เป็นเพียงการแปลงข้อมูลให้เป็นดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าด้วย
เมื่อองค์กรนำ Digitalization มาใช้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน เช่น การนำระบบการจัดการเอกสารมาใช้แทนการจัดเก็บเอกสารแบบกระดาษ การใช้ระบบ automation เพื่อลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน หรือการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
Digitization คืออะไร
Digitization เป็นกระบวนการแปลงข้อมูลจากรูปแบบอนาล็อกให้เป็นดิจิทัล เช่น การสแกนเอกสารกระดาษให้เป็นไฟล์ PDF การแปลงเทปเสียงให้เป็นไฟล์ MP3 หรือการถ่ายภาพฟิล์มให้เป็นไฟล์ดิจิทัล Digitization เป็นขั้นตอนแรกและเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำ Digitalization
Digital Transformation คืออะไร
Digital Transformation หรือการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เป็นการเปลี่ยนแปลงองค์กรในภาพรวมทั้งหมด ครอบคลุมตั้งแต่วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ วัฒนธรรมองค์กร กระบวนการทำงาน ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน การทำ Digital Transformation จึงเป็นการปฏิวัติองค์กรครั้งใหญ่ที่ต้องอาศัยทั้ง Digitization และ Digitalization เป็นองค์ประกอบสำคัญ
Digitalization และ Digital Transformation แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างระหว่างการทำ Digitalization และ Digital Transformation เริ่มต้นที่การทำ Digital Transformation จะมีจุดมุ่งหมายในการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างรอบด้าน ครอบคลุมตั้งแต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาวิธีการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ในขณะที่ Digitalization จะเน้นไปที่การยกระดับกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจรูปแบบใหม่
ข้อดีของ Digitalization
- ปรับปรุงการจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการจัดเก็บ การค้นหา และการเข้าถึงข้อมูลที่ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ผ่านระบบดิจิทัล พร้อมทั้งลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและระยะเวลาในการทำงาน
- ช่วยประหยัดทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดการใช้กระดาษและพื้นที่จัดเก็บเอกสาร
- ลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว ทั้งค่าใช้จ่ายด้านเอกสาร ค่าจัดเก็บ และค่าดำเนินการต่างๆ
- สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยการให้บริการที่รวดเร็ว แม่นยำ และเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ช่วยให้องค์กรปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดในยุคดิจิทัล
วิธีการทำ Digitalization ให้ประสบความสำเร็จ มีอะไรบ้าง
กำหนดจุดประสงค์และเป้าหมายให้ชัดเจน
การเริ่มต้นทำ Digitalization ให้ประสบความสำเร็จ องค์กรจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน โดยระบุว่าต้องการนำ Digitalization ไปใช้ในด้านใดบ้าง เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ การวางแผน Digitalization ที่ดีต้องระบุทิศทางการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ที่ต้องการให้ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรและดำเนินการได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เมื่อมีการกำหนดเป้าหมายของ Digitalization ที่ชัดเจน จะช่วยให้ทุกฝ่ายในองค์กรเข้าใจทิศทางและสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรวจสอบระบบการทำงาน
ก่อนเริ่มกระบวนการ Digitalization องค์กรจำเป็นต้องวิเคราะห์ระบบการทำงานปัจจุบันอย่างละเอียด เพื่อระบุจุดที่ต้องการการพัฒนาและโอกาสในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ การประเมินความพร้อมนี้จะช่วยให้เห็นว่าแผน Digitalization ที่วางไว้มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ การวิเคราะห์ระบบยังช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบแนวทางการทำ Digitalization ที่เหมาะสมกับสภาพการทำงานจริง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งการศึกษาระบบงานอย่างถี่ถ้วนก่อนเริ่มโครงการ Digitalization จะช่วยให้องค์กรมองเห็นจุดอ่อนและโอกาสในการพัฒนาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถวางแผนการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการทำงานของธุรกิจ
การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จของการทำ Digitalization เมื่อองค์กรเข้าใจระบบการทำงานและแนวทางการพัฒนาแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การคัดเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ธุรกิจ โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในกระบวนการ Digitalization ต้องสามารถทำงานร่วมกับระบบที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมศักยภาพของบุคลากรให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญ แผนการทำ Digitalization ต้องสามารถลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนในระยะยาว การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำ Digitalization เป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อการลงทุน
สรุปบทความ
Digitalization เป็นมากกว่าการแปลงข้อมูลให้เป็นดิจิทัล แต่เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล การทำ Digitalization ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการวางแผนที่ดี การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น ระบบการจัดการเอกสาร เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ และการเตรียมความพร้อมของบุคลากร องค์กรที่สามารถปรับตัวและนำ Digitalization มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
Ditto พร้อมสนับสนุนการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ทั้งระบบ DMS ที่ประกอบไปด้วยระบบจัดการเอกสาร ที่จะช่วยจัดการเอกสารทั้งหมดในรูปแบบออนไลน์ ระบบ RPA ที่จะเข้ามาช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงบริการ BPO ที่ช่วยสรรหาบุคลากรมาเสริมให้การแปลงเอกสารกระดาษเป็นดิจิทัลได้อย่างครบวงจร พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำปรึกษาและวางระบบให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรคุณ
สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Ditto
📞 02-517-5555
https://dittothailand.com/contact-us/