ทำความเข้าใจตลาด Carbon Credit การซื้อขาย และตัวอย่างการคำนวณ

  • October 11, 2024

News Description

Carbon Credit ขายยังไง

 

ปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) ไม่ใช่เรื่องที่สามารถนิ่งนอนใจได้หรือเป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เนื่องจากนับวันปัญหาดังกล่าวยิ่งส่งผลกระทบชัดเจนขึ้น ​​การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) จึงกลายเป็นเป้าหมายที่ไม่เพียงแค่ฝ่ายกำหนดนโยบายจะเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ประเทศบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่านั้น แต่ภาคเอกชนก็เป็นผู้เล่นสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อน และลดผลกระทบต่อปัญหาโลกร้อนได้ จึงทำให้เกิด Carbon Credit และตลาด Carbon Credit ขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา

 

บทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่าตลาด Carbon Credit คืออะไร? Carbon Credit ขายยังไง? และมีวิธีการคำนวณอย่างไร? ไปศึกษาพร้อม ๆ กันเลย

 

 

ทำความรู้จัก “ตลาด Carbon Credit”

 

Carbon Credit คำนวณ

 

ก่อนที่เราจะไปดูกันว่า Carbon Credit ขายยังไง Carbon Credit คำนวณอย่างไร เรามาทำความเข้าใจตลาด Carbon Credit กันก่อนดีกว่า

ตลาด Carbon Credit หรือตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตนั้น องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ได้ให้คำนิยามไว้ว่า เป็นสื่อกลางในการซื้อขาย แลกเปลี่ยน Carbon Credit โดยใช้แนวคิดการใช้กลไกตลาดเป็นแรงจูงใจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิลดลง และยังทำให้ผู้ที่ก่อมลพิษ หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือมีต้นทุนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต้องบรรเทา หรือชดเชยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลก และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกแปรปรวนด้วย

 

โดยแบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้

1. ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory carbon market)

ถูกจัดตั้งขึ้นจากผลบังคับในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกฎหมาย มีกฎหมายและกฎระเบียบที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายกำกับอย่างชัดเจน ซึ่งภาครัฐหรือหน่วยงานกำกับเป็นผู้ดูแลและบังคับด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (Legally Binding Target) หากผู้ใดสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถนำปริมาณก๊าซเรือนกระจกในส่วนที่ปล่อยต่ำกว่าเกณฑ์ไปขายให้กับองค์กรอื่น ๆ ได้หรือที่รู้จักกันในนาม Emission Trading Scheme (ETS) และระบบ Cap and Trade

 

2. ตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจ (Voluntary carbon market)

ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมก๊าซเรือนกระจกมาบังคับ การจัดตั้งตลาดเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของผู้ประกอบการหรือองค์กรเพื่อเข้าร่วมซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดด้วยความสมัครใจ คาร์บอนเครดิตที่ได้จากโครงการดังกล่าวสามารถนำมาขายในตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจได้และองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมเกินกว่าปริมาณที่กำหนด สามารถซื้อคาร์บอนเครดิตดังกล่าวเพื่อทำให้ตนเองได้รับสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมอีกครั้งในปริมาณที่ไม่เกินกว่าปริมาณที่กำหนด

 

 

Carbon Credit ขายยังไง

การซื้อขาย Carbon Credit ก็สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

  1. ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Trading Platform) หรือ ศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ
  2. ซื้อขายในระบบทวิภาค (Over-the-counter: OTC) เป็นการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยตรง โดยไม่ผ่านตลาด

 

เมื่อต้องการซื้อคาร์บอนเครดิต หากการพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตยังไม่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ ผู้ที่ต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อนำไปใช้ประโยชน์สามารถเปิดบัญชี T-VER Credit ในระบบทะเบียน (Registry) ของ อบก. เพื่อใช้สำหรับเก็บบันทึกปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองมาแล้ว และตัดออกจากบัญชีเมื่อมีการใช้งานคาร์บอนเครดิต โดยช่องทางการซื้อขายสามารถดำเนินการผ่านการติดต่อกับผู้ขายโดยตรง (Over-the-Counter) ผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ FTIX ในประเทศไทย หรือสามารถเปิดบัญชีกับ Platform Trading Carbon Credit ของต่างประเทศ เช่น CBL Xpansiv, Air Carbon Exchange, Carbon Trade Exchange เป็นต้น เพื่อซื้อคาร์บอนเครดิตในมาตรฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมได้

 

 

Carbon Credit คำนวณอย่างไร

สูตรในการคำนวณ Carbon Credit กำหนดให้

  • Ebaseline​ คือปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงการบินทั่วไป (kg CO2e)
  • ESAF​ คือปริมาณก๊าซเรือนกระจกจาก Sustainable Aviation Fuel (kg CO2e)
  • Vfuel​ คือปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ (ลิตรหรือกิโลกรัม)
  • คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงการบินทั่วไป

 

  1. คำนวณการปล่อย Greenhouse gas จาก Fossil Jet Fuel Ebasline = EFJetfuel× Vfuel EFJetFuel​ คือค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงการบินทั่วไป (kg CO2e ต่อหน่วยปริมาณเชื้อเพลิง)
  2. คำนวณการปล่อย Greenhouse gas จาก Sustainable Aviation Fuel ESAF = EFSAF × Vfuel EFSAF​ คือค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก SAF (kg CO2e ต่อหน่วยปริมาณเชื้อเพลิง)
  3. คำนวณการลดการปล่อย GHG (Emission Reduction) Emission Reduction = Ebaseline − ESAF
  4. แปลงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นคาร์บอนเครดิต Carbon Credits = Emission Reduction/1000 (แปลงจาก kg CO2e เป็น tCO2e โดยการหารด้วย 1000)

 

ทำไมองค์กรต่าง ๆ ต้องซื้อขาย Carbon Credit

 

ตลาด Carbon Credit

 

ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ หันมาทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) โดย TGO โดยเราได้รวบรวมประโยชน์ของการทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนที่เป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรต่าง ๆ ต้องซื้อขาย Carbon Credit กัน

 

  1. เพื่อลดค่าใช้จ่าย จากการลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน
  2. เพื่อสร้างกระบวนการส่วนร่วมของบุคลากรในองค์กร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการคิดวางแผน ดำเนินการ และประเมินความสำเร็จ
  3. เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในเรื่องของการรับผิดชอบต่อสังคมเพราะเงินที่ซื้อคาร์บอนเครดิตจะช่วยสนับสนุนให้เกิดโครงการลดก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นในประเทศซึ่งจะทำให้

 

  • ชุมชนหรือเมืองที่เป็นผู้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกมีรายได้เพิ่มขึ้น
  • ประเทศไทยลดก๊าซเรือนกระจกโดยสุทธิลดลง
  • ลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

 

เพราะฉะนั้น ทุกองค์กรควรเริ่มคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพื่อเป็นแนวทางในการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่วนที่ลดไม่ได้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมชดเชยคาร์บอน

 

 

สรุป

จะเห็นได้ว่าเมื่อองค์กรไหนเกิดการปรับตัวและวางแผนควบคุมการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็สามารถเสริมภาพลักษณ์และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่องค์กรนั้น ๆ ในขณะเดียวกันองค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวหรือลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น

 

ซึ่ง Ditto ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงได้เข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิต ควบคู่กับการสนับสนุนในด้านงบประมาณและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการและดูแลรักษาป่าเพื่อให้ป่ามีความสมบูรณ์และยังให้การสนับสนุนชุมชนในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เป็นการสนับสนุนนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เหล่านี้จะทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green & Climate Technology), คาร์บอนเครดิต และการขยายการลงทุนกับกลุ่มพลังงานสะอาด – พลังงานทดแทนต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจนนำไปสู่ Zero-Carbon ได้ในที่สุดนั่นเอง

 

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลระบบจัดการเอกสาร เพิ่มเติม

📞 02-517-555

📱063 204 0321

Line ID: @dittothailand